
เคยมีลูกค้าท่านหนึ่งเดินทางมาอบรมตัวต่อตัวกับเพื่อหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาด้านการขายที่เผชิญอยู่ ข้อดีไม่ได้อยู่ตรงที่เรียนอะไร แต่อยู่ที่มีคำถามแล้วมาหาคำตอบให้ได้ต่างหาก เรื่องปัญหาตัดราคาเป็นเหตุการณ์ที่ผู้ประกอบการไม่ค่อยอยากเจอ แต่กลุ่มที่ต้องการยอด ต้องการแย่งลูกค้ามักใช้กัน ถ้าคุณเจอสถานการณ์ตัดราคา คุณจะทำอย่างไร...
นั่นสินะ...คำแนะนำไหนน่าจะเวิร์คสุด หลังจากฟังเรื่องราวปัญหา ถามคำถาม ฟังคำตอบ วิเคราะห์สถานการณ์ คู่แข่ง กลุ่มเป้าหมาย แนวทางแก้ไขก็ค่อยชัดเจนขึ้น เราไม่กังวลว่าลูกค้าจะไม่เข้าใจสิ่งที่อธิบาย แต่ที่อดห่วงไม่ได้คือ แนวทางที่วางไว้ จะถูกนำไปใช้แค่ไหนและอย่างไร คำพูดเดิมๆที่คอยบอกทุกคน เราไม่จำเป็นต้องทำถูกต้องร้อยเปอร์เซ็นต์ แค่เพียง 80% และถูกที่ถูกทางก็พอแล้ว ด้วยความที่ชอบพูดเรื่องการตลาดให้ฟังง่ายๆ เข้าใจง่ายๆ ความขลังจะลดลงหรือเปล่านะ
ผ่านไปประมาณเดือนนึง ลูกค้าคนเดิมส่งข้อความมาขอบคุณสิ่งที่แนะนำ เขาบอกว่าได้วางกลยุทธ์ใหม่หมด และกระแสความเชื่อมั่นลูกค้าเริ่มกลับมา ภาพที่เคยดูแย่ในสายตาลูกค้า ถูกลบเลือนด้วยภาพที่ดีกว่า แน่นอนเหลือเกิน...สิ่งที่เกิดขึ้นย่อมส่งผลต่อยอดขาย ความจริงสิ่งที่พูดไปก็ไม่ใช่เรื่องอะไรที่ใหม่ หลายสิ่งหลายอย่างลูกค้าก็ทำอยู่แล้ว แต่เมื่อเข้าใจเรื่องการตลาดมากขึ้น ก็สามารถมาจัดลำดับความสำคัญของงานด้านการตลาดให้เหมาะสมขึ้น จากที่เราเคยห่วง ก็โล่งใจ มันไม่สำคัญหรอกว่าจะเรียนมากน้อยแค่ไหน สำคัญอยู่ที่ถ้าเรียนแล้ว เอาไปใช้แค่ไหนต่างหาก
ในทุกความพยายามย่อมมีทางออก แต่...ถ้าช่วงนี้สมองตื้อ เรื่องรอบตัวเยอะ แพลนงานไม่ออก ลังเล ไม่แน่ใจ แนะนำว่ายอมใช้เวลา 1 วันมานั่งคุยกัน ปัญหาที่เคยดูเป็นเรื่องใหญ่ จะกลับกลายเป็นเรื่องที่มีหนทางแก้ไขไม่ยาก วันพุธที่ 25 ก.พ.นี้ พี่จะหยิบเรื่องการวางแผนสร้างแบรนด์มาคุยกัน ความสำคัญที่เคยถูกมองข้าม แม้จะช้าไปหน่อย แต่ก็ดีกว่าละเลย แต่บอกไว้เลยว่า ถ้าหวังจะมานั่งฟังเลคเชอร์ พูดศัพท์หรูๆ พี่ไม่ถนัด มันฟังยาก จำยาก พี่ชอบการสนทนา การกระตุ้นต่อมความคิด การแสดงความเห็น การอ้างเหตุผล และที่สำคัญพี่ชอบเสียงหัวเราะ เพราะ...การตลาด มันเรื่องของการแก้ไขปัญหา จึงต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ งานมันเครียดอยู่แล้ว ก็เลยต้องมีเสียงหัวเราะบ่อยๆ เพื่อช่วยให้สมองเปิดรับมุมมองใหม่ๆ ความคิดใหม่ๆก็บรรเจิดเกิดได้ไม่ยาก...เท่านั้นเอง
นั่นสินะ...คำแนะนำไหนน่าจะเวิร์คสุด หลังจากฟังเรื่องราวปัญหา ถามคำถาม ฟังคำตอบ วิเคราะห์สถานการณ์ คู่แข่ง กลุ่มเป้าหมาย แนวทางแก้ไขก็ค่อยชัดเจนขึ้น เราไม่กังวลว่าลูกค้าจะไม่เข้าใจสิ่งที่อธิบาย แต่ที่อดห่วงไม่ได้คือ แนวทางที่วางไว้ จะถูกนำไปใช้แค่ไหนและอย่างไร คำพูดเดิมๆที่คอยบอกทุกคน เราไม่จำเป็นต้องทำถูกต้องร้อยเปอร์เซ็นต์ แค่เพียง 80% และถูกที่ถูกทางก็พอแล้ว ด้วยความที่ชอบพูดเรื่องการตลาดให้ฟังง่ายๆ เข้าใจง่ายๆ ความขลังจะลดลงหรือเปล่านะ
ผ่านไปประมาณเดือนนึง ลูกค้าคนเดิมส่งข้อความมาขอบคุณสิ่งที่แนะนำ เขาบอกว่าได้วางกลยุทธ์ใหม่หมด และกระแสความเชื่อมั่นลูกค้าเริ่มกลับมา ภาพที่เคยดูแย่ในสายตาลูกค้า ถูกลบเลือนด้วยภาพที่ดีกว่า แน่นอนเหลือเกิน...สิ่งที่เกิดขึ้นย่อมส่งผลต่อยอดขาย ความจริงสิ่งที่พูดไปก็ไม่ใช่เรื่องอะไรที่ใหม่ หลายสิ่งหลายอย่างลูกค้าก็ทำอยู่แล้ว แต่เมื่อเข้าใจเรื่องการตลาดมากขึ้น ก็สามารถมาจัดลำดับความสำคัญของงานด้านการตลาดให้เหมาะสมขึ้น จากที่เราเคยห่วง ก็โล่งใจ มันไม่สำคัญหรอกว่าจะเรียนมากน้อยแค่ไหน สำคัญอยู่ที่ถ้าเรียนแล้ว เอาไปใช้แค่ไหนต่างหาก
ในทุกความพยายามย่อมมีทางออก แต่...ถ้าช่วงนี้สมองตื้อ เรื่องรอบตัวเยอะ แพลนงานไม่ออก ลังเล ไม่แน่ใจ แนะนำว่ายอมใช้เวลา 1 วันมานั่งคุยกัน ปัญหาที่เคยดูเป็นเรื่องใหญ่ จะกลับกลายเป็นเรื่องที่มีหนทางแก้ไขไม่ยาก วันพุธที่ 25 ก.พ.นี้ พี่จะหยิบเรื่องการวางแผนสร้างแบรนด์มาคุยกัน ความสำคัญที่เคยถูกมองข้าม แม้จะช้าไปหน่อย แต่ก็ดีกว่าละเลย แต่บอกไว้เลยว่า ถ้าหวังจะมานั่งฟังเลคเชอร์ พูดศัพท์หรูๆ พี่ไม่ถนัด มันฟังยาก จำยาก พี่ชอบการสนทนา การกระตุ้นต่อมความคิด การแสดงความเห็น การอ้างเหตุผล และที่สำคัญพี่ชอบเสียงหัวเราะ เพราะ...การตลาด มันเรื่องของการแก้ไขปัญหา จึงต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ งานมันเครียดอยู่แล้ว ก็เลยต้องมีเสียงหัวเราะบ่อยๆ เพื่อช่วยให้สมองเปิดรับมุมมองใหม่ๆ ความคิดใหม่ๆก็บรรเจิดเกิดได้ไม่ยาก...เท่านั้นเอง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น